ถุงมือไม่ได้ลดทอน ‘ความรู้สึกดี’

ข้อมูลจากการวิจัยชี้ชัดว่า การใช้อุปกรณ์ป้องกันอย่างถุงมือในการทำกายภาพบำบัดหรือการนวด ไม่ได้ลดทอนคุณภาพหรือความพึงพอใจของผู้รับบริการอย่างที่หลายคนกังวล

มือของนักกายภาพบำบัดคือเครื่องมือสำคัญที่ใช้สร้างความผ่อนคลายและฟื้นฟูร่างกายให้ผู้คน แต่ในขณะเดียวกัน มือคู่นั้นก็ต้องสัมผัสกับน้ำมันนวด โลชั่น และผิวของผู้คนมากมายตลอดทั้งวัน ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อปัญหาโรคผิวหนังต่างๆ การป้องกันจึงเป็นเรื่องจำเป็น แต่คำถามที่ตามมาคือ แล้วผู้รับบริการจะรู้สึกอย่างไรหากการนวดนั้นมาจากมือที่สวมถุงมืออยู่?

ความกังวลว่าถุงมือจะทำลาย “สัมผัสจากมนุษย์” และทำให้ผู้รับบริการไม่พอใจ เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้นักกายภาพหลายคนลังเลที่จะใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ชิ้นนี้ พวกเขาอาจกลัวว่าความรู้สึกดีๆ ของการนวดจะหายไป และอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในที่สุด แล้วความกังวลนี้... เป็นเรื่องจริง หรือเป็นแค่สิ่งที่คิดไปเองกันแน่?

เพื่อตอบคำถามนี้ มีงานวิจัยที่น่าสนใจจากประเทศเยอรมนีที่เข้ามาไขข้อข้องใจ พวกเขาทำการทดลองเพื่อหาคำตอบอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยแบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ส่วน เพื่อให้เห็นภาพจากทั้งสองมุมมองอย่างชัดเจน

ส่วนที่ 1: ฟังเสียงจากใจของมืออาชีพ นักวิจัยได้ไปสัมภาษณ์นักกายภาพบำบัดและหมอนวด 20 คน ที่เคยมีปัญหาโรคผิวหนังมาก่อน หลังจากที่พวกเขาได้เข้าอบรมเรื่องการดูแลผิวหนัง ผลปรากฏว่าส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า การใช้ถุงมือป้องกันเป็นเรื่องที่ทำได้จริงและมีประโยชน์มาก แม้จะมีอุปสรรคบ้างเล็กน้อยกับเทคนิคการรักษาที่พิเศษบางอย่าง แต่โดยรวมแล้วไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย

เมื่อฝั่งผู้ให้บริการส่วนใหญ่เห็นว่าใช้ได้ แล้วฝั่งผู้รับบริการอย่างเราๆ จะรู้สึกอย่างไรล่ะ

ส่วนที่ 2: ทดสอบความรู้สึกของผู้รับบริการจริงๆ นี่คือส่วนที่น่าตื่นเต้นที่สุดครับ นักวิจัยได้อาสาสมัคร 120 คน มานอนนวดหลัง โดยแบ่งคนนวดออกเป็น 3 กลุ่มแบบสุ่ม คือ กลุ่มที่ไม่สวมถุงมือ, กลุ่มที่สวมถุงมือ PVC, และกลุ่มที่สวมถุงมือยางไนไตร (nitrile) หลังจากนวดเสร็จ ทุกคนต้องตอบแบบสอบถามเพื่อประเมินคุณภาพการนวดและความพึงพอใจ ผลที่ได้น่าประหลาดใจมาก เพราะคะแนนความพึงพอใจของทั้งสามกลุ่ม “ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ” เลย

พูดง่ายๆ ก็คือ คนที่ถูกนวดโดยใส่ถุงมือ ให้คะแนนความรู้สึกดีๆ ไม่ต่างจากคนที่ถูกนวดด้วยมือเปล่าเลยแม้แต่น้อย แถมยังเต็มใจที่จะจ่ายเงินในราคาเท่ากันอีกด้วย

อุปสรรคที่แท้จริง: ไม่ใช่คนไข้ แต่คือใจของผู้ให้บริการ

ผลลัพธ์ที่ชัดเจนขนาดนี้ บอกอะไรเราได้บ้าง? มันบอกเราว่า ความกลัวที่ว่าคนไข้จะไม่ยอมรับ หรือจะเสียลูกค้าไปเพราะการสวมถุงมือนั้น “ไม่น่าจะเป็นความจริง” อุปสรรคที่แท้จริงจึงไม่ได้อยู่ที่ฝั่งผู้รับบริการ แต่อยู่ในใจของผู้ให้บริการเอง ที่อาจจะกังวลไปล่วงหน้า การโน้มน้าวให้ผู้ประกอบอาชีพเหล่านี้เข้าใจและเชื่อมั่นในประโยชน์ของถุงมือ จึงเป็นหัวใจสำคัญที่สุดในการผลักดันมาตรการป้องกันนี้ให้เกิดขึ้นจริง

บางทีความกังวลของเราก็เป็นแค่เงาที่สร้างขึ้นมาเอง...ก็ได้ เมื่อเข้าใจแล้วว่าการป้องกันตัวเองเป็นสิ่งสำคัญและไม่กระทบกับงาน แล้วเราจะนำความรู้นี้ไปปรับใช้อย่างไรได้บ้าง

สรุป: ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ

บทเรียนจากการทดลองนี้สอนเราว่า การใช้ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ไม่ว่าจะเป็นถุงมือ หน้ากากอนามัย หรือ หมวกตัวหนอน (bouffant cap) ในงานที่ต้องสัมผัสใกล้ชิด ไม่ได้ทำลายคุณภาพการบริการเสมอไป ในทางกลับกัน มันยังแสดงถึงความเป็นมืออาชีพและความใส่ใจในสุขอนามัยของทั้งสองฝ่ายอีกด้วย ความกลัวว่าลูกค้าจะไม่พอใจนั้น ส่วนใหญ่มักเป็นเพียงจินตนาการของเราเอง การปกป้องตัวเองจึงเป็นสิ่งที่ฉลาดและจำเป็นอย่างยิ่ง

ที่มา

https://ijphy.com/index.php/journal/article/view/263

Share this post

Loading...